เมืองร้อนอย่างประเทศไทย มีฝนโปรยปรายให้เย็นชุ่มฉ่ำกันบ้างก็ดีนะคะ แต่ความชุมฉ่ำที่มาพร้อมความชื้น อับ เฉอะแฉะ แถมด้วยสภาพพื้นที่หลายแห่งมีน้ำท่วมขัง คือโอกาสทองของการแผลงฤทธิ์ของเชื้อโรควายร้ายหลายชนิด ซึ่งแน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่จะวางใจไม่ได้และต้องดูแลใส่ใจเรื่องสุขภาพร่างกายของเจ้าตัวเล็กมากเป็นพิเศษ เพราะเชื้อโรคต่างๆ ที่มาพร้อมสายฝนจะส่งผลให้ลูกน้อยป่วยได้ โดยเฉพาะ 5 โรคพึงระวังต่อไปนี้ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องโฟกัสกันให้ดีค่ะ

5 โรคอันตรายแฝงภัยร้ายในสายฝน

  1. โรคไข้หวัดใหญ่ เรียกว่าจองตั๋วเป็นขาประจำของหน้าฝนเลยค่ะสำหรับเจ้าไวรัสไข้หวัดใหญ่ แถมมีหลากหลายสายพันธุ์เสียด้วย ซึ่งหากลูกได้รับเชื้อไวรัสประเภทนี้จะส่งผลให้เขามีไข้สูง โดยในระยะ 2-3 วันลูกน้อยมีไข้สูงโดยไม่มีอาการอย่างอื่น ให้คุณพ่อคุณแม่สงสัยไว้ก่อนได้เลยค่ะว่าลูกอาจติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ควรรีบพาเขาไปพบคุณหมอโดยด่วน เพื่อปิดกั้นโอกาสที่จะเกิดโรคอันตรายอื่นๆ แทรกซ้อนเข้ามายามที่ร่างกายลูกน้อยอ่อนแอค่ะ
  2. โรคไข้เลือดออก เมื่อเจ้ายุงลายตัวร้ายไม่ยอมสูญพันธุ์ โรคไข้เลือดออกก็จะยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ตัวลูกน้อยไม่ไปไหนเช่นกันค่ะ ยิ่งช่วงฝนโปรยปรายเหมาะแก่การผสมพันธุ์วางไข่ของยุงด้วยแล้ว คุณพ่อคุณแม่ยิ่งต้องใส่ใจเฝ้าระวัง หากเจ้าตัวเล็กมีไข้สูง ตัวร้อนจัด หน้าแดง ตาแดง อาจร่วมกับอาการปวดเนื้อตัว เบื่ออาหาร หรือมีจุดแดงๆ เล็กๆ บนผิวหนัง รีบพาไปพบแพทย์ด่วนเลยค่ะ
  3. โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสคอกแซคกี เอ และ Enterovirus 71 ที่พบบ่อยมากโดยเฉพาะกับลูกวัยเรียน ซึ่งเด็กๆ มีโอกาสติดเชื้อได้จากการไอ จาม รดกัน หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตพบลูกมีไข้ บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือในปากมีผื่นหรือตุ่มน้ำใสขึ้น ควรรีบพาไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ ค่ะ เพราะการปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ลูกน้อยมีปัญหาในการกินอาหารและดื่มน้ำจนอาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำได้ นอกจากนี้การมีไข้สูงเกินไปยังเสี่ยงต่อการเกิดอาการชักด้วยนะคะ 
  4. โรคติดเชื้อไวรัส RSV ช่วงที่มีอากาศชื้นโดยเฉพาะในหน้าฝนแบบนี้ ไวรัส RSV หรือชื่อเต็มๆ ว่า Respiratory Syncytial Virus เจริญเติบโตได้ดีเชียวค่ะ แค่ลูกน้อยใกล้ชิดหรือสัมผัสสารคัดหลั่งทางลมหายใจกับผู้ที่ติดเชื้อเขาก็สามารถรับเชื้อไวรัสได้แล้ว และไม่ใช่ในเด็กโตเท่านั้นนะคะ ทารกแรกเกิดก็มีโอกาสรับเชื้อชนิดนี้ได้เช่นกัน โดยเด็กจะมีอาการตัวลายเขียวจากการขาดออกซิเจน หายใจลำบาก ไอหนัก จามบ่อย เหนื่อยง่าย ไข้ขึ้นสูง และมีน้ำมูกใสๆ ตลอดเวลา เมื่อพบอาการแบบนี้กับลูกรักควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาเลยค่ะ
  5. โรคท้องเสีย อย่างที่บอกค่ะว่าหน้าฝนเชื้อโรคแพร่พันธุ์ได้ง่าย และอยู่ได้นาน ดังนั้น เด็กๆ จึงมักรับเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสียได้ง่ายๆ ผ่านการหยิบจับของเล่นหรือของใช้ที่ไม่สะอาดแล้วนำเข้าปาก โดยเฉพาะเชื้อไวรัสโรต้าที่จะทำให้ลูกน้อยมีอาการท้องเสีย อาเจียน ไข้สูง จนร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบพาไปเจ้าตัวเล็กไปโรงพยาบาลทันทีนะคะ

นอกจากทั้ง 5 โรคที่กล่าวมาแล้ว น้ำฝนที่ขังอยู่ตามพื้นและซอกต่างๆ ในบริเวณบ้านถือเป็นแหล่งชุมชนเชื้อโรคเลยค่ะ เสี่ยงต่อการที่ลูกน้อยไปสัมผัสจนติดเชื้อที่ส่งผลให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบ มีผื่นแดง หรือมีตุ่มหนองขึ้นในบริเวณที่เป็นแผลได้ อย่าลืมเฝ้าระวังให้ดีด้วยนะคะ

เคล็ด(ไม่)ลับดูแลลูกรักให้ห่างไกลโรคร้ายในหน้าฝน

รู้จัก 5 โรคร้ายยอดฮิตกันไปแล้ว คราวนี้เรามาดูวิธีดูแลและป้องกันเด็กๆ ให้ห่างไกลโรคร้ายเหล่านั้นกันค่ะ

⮚ สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ เด็กๆ ต้องได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอในทุกๆ วันค่ะ โดยเด็กเล็กควรได้นอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 12 ชั่วโมง/วัน ส่วนเด็กในวัยเรียนคือ 10 ชั่วโมง/วัน และต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย เช่น กระโดดโลดเต้น แอโรบิกเบาๆ ภายในบ้าน หรือจะชวนกันไปว่ายน้ำในร่มแบบไม่ต้องกลัวฝนก็ได้ แต่ต้องเลือกสระว่ายน้ำสำหรับเด็กที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากลด้านคุณภาพน้ำและการจัดการนะคะ จะได้มั่นใจว่าลูกรักจะปลอดภัยจากเชื้อโรคร้ายพร้อมกับมีร่างกายที่แข็งแรงค่ะ 

⮚ หลีกเลี่ยงการพาเจ้าตัวเล็กไปเล่นหรือทำกิจกรรมในสถานที่แออัด หรือมุมมืด อับ ทึบ เพราะเชื้อโรคที่สะสมอยู่ในความอับชื้นจะทำให้เด็กๆ มีโอกาสรับเชื้อต่างๆ ได้ง่าย เสี่ยงต่ออาการป่วยที่จะตามมาค่ะ

⮚ หากมีน้ำท่วมขังในบริเวณบ้านต้องรีบกำจัดนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายอันเป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออกตัวร้ายนั่นเอง

⮚ ดูแลเรื่องสุขอนามัยของลูกเป็นพิเศษทั้งเรื่องความสะอาดของร่างกายและของใช้ส่วนตัวต่างๆ โดยเฉพาะสิ่งของที่เขาจะนำเข้าปาก เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม เป็นต้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรให้ลูกรักพกกระติกน้ำ แก้วน้ำ และช้อนส้อมส่วนตัวไปใช้ที่โรงเรียน นอกจากจะป้องกันโรคร้ายในหน้าฝนได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยป้องกัน COVID-19 ได้อีกด้วยค่ะ

⮚ สอนลูกให้ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งทั้งก่อนและหลังกินอาหาร หรือหยิบจับสิ่งของต่างๆ และควรใช้น้ำสบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดบริเวณที่คนในครอบครัวต้องสัมผัสร่วมกันเป็นประจำ เช่น ลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ ประตูตู้เย็น ฯลฯ เพราะเชื้อโรคมักจะตกค้างบนพื้นผิวต่างๆ ได้นานถึง 8 ชั่วโมงค่ะ

⮚ กันไว้ดีกว่าแก้ อย่าลืมพาลูกน้อยไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปีนะคะ

⮚ เสื้อผ้าที่เจ้าตัวเล็กสวมใส่ในช่วงหน้าฝนควรเป็นผ้าเนื้อเบาที่ระบายอากาศได้ดี เพราะเมื่อเปียกฝนจะได้ไม่อับชื้นจนเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและเชื้อโรค ทั้งยังทำให้ลูกน้อยไม่สบายตัวและเป็นหวัดได้ง่ายด้วยค่ะ 

ไม่ใช่แค่เจ้าตัวเล็กเท่านั้นนะคะที่เสี่ยงต่อเชื้อโรคร้ายในช่วงหน้าฝน แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องผจญกับความเสี่ยงดังกล่าวด้วยเช่นกัน ดังนั้น ควรใส่ใจดูแลสุขภาพของทั้งครอบครัวอย่างทั่วถึง เพราะหากคนหนึ่งป่วย สมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านก็สามารถป่วยตามได้ การดูแลและป้องกันจึงจำเป็นอย่างยิ่ง มาร่วมเฝ้าระวังไปด้วยกันเพื่อให้ผ่านหน้าฝนนี้ไปได้อย่างแข็งแรงและปลอดภัยนะคะ 


🌐 babyswimmingthailand.com

✨มาร่วมมอบของขวัญล้ำค่าที่จะติดตัวลูกของคุณไปตลอดชีวิตกับ BABY SWIMMING โรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็กแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพ ISO 9001 และได้รับความไว้วางใจจากโรงพยาบาลชั้นนำ 🇹🇭💯🏆🎉😊🙏🏻✨

✨”BABY SWIMMING, A Precious Gift for Your Kids” 🐳 🏊🏻 💦 💙 🎁 ✨

#babyswimming #สอนว่ายน้ำเด็ก #เรียนว่ายน้ำเด็ก #สระว่ายน้ำเด็ก #โรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็ก #สระน้ำอุ่น #สระในร่ม

Share this