คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอยู่ในวัยเบบี้ น่าจะได้เห็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งของลูกรักที่บางครอบครัวก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติตามวัย เห็นได้แบบชินตา แต่บางบ้านอาจแอบกังวลว่านี่เป็นปัญหาพฤติกรรมของลูกน้อยหรือเปล่า? แล้วคนเป็นพ่อแม่อย่างเราควรทำอย่างไรกันดีนะ… มาดูข้อเท็จจริงและวิธีจัดการอย่างสมเหตุสมผลกันค่ะ
“หยิบของเข้าปาก” ปัญหาพฤติกรรมหรือพัฒนาการตามวัย?
ปิ๊งป่อง! ถูกต้องแล้วค่ะ… การที่ลูกเล็ก โดยเฉพาะในวัย 4-6 เดือน “ชอบหยิบของเข้าปาก” ถือเป็น “พัฒนาการตามช่วงวัย” ซึ่งเด็กวัยนี้กำลังเริ่มเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ลูกน้อยจะเรียนรู้จากการสัมผัส และสัมผัสที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด เข้าใจมากที่สุดตั้งแต่เกิด ก็คือประสาทสัมผัสทางปาก เพราะเป็นช่องทางการเรียนรู้ทั้งเรื่องรสชาติ สัมผัสที่แตกต่าง ความแข็ง ความนุ่ม ฯลฯ ดังนั้น การจะหาคำตอบให้กับความสงสัยของตัวเองในวัยเบบี้ทำให้ในช่วงขวบปีแรกลูกน้อยจะใช้ปากในการดูดค่อนข้างบ่อยมากๆ ไม่ว่าหยิบจับอะไรได้ก็มักหยิบใส่ปากเสมอนั่นเองค่ะ
อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะเพราะลูกรักจะการใช้ปากในการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการพัฒนาการในด้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งการใช้กล้ามเนื้อมือ และการประสานการทำงานไปพร้อมกับกล้ามเนื้อตาและการใช้สายตาค่ะ
และแน่นอนค่ะ เมื่อการที่ลูกชอบนำของเข้าปากเป็นพัฒนาการตามวัย การที่คุณพ่อคุณแม่รีบดึงของออกจากปากลูกทุกครั้งไป ก็อาจกลายเป็นการตัดโอกาสและปิดกั้นการเสริมสร้างพัฒนาการของลูกแบบไม่รู้เท่าทันก็ได้ แต่ก็ใช่ว่าการปล่อยให้ลูกทำแบบนั้นไปโดยไม่ดูแลอย่างใกล้ชิดนะคะ เพราะก็อาจเกิดความเสี่ยงที่พัฒนาการของน้องจะกลายเป็นปัญหาพฤติกรรมในอนาคตได้เช่นกันนะคะ หรืออาจเกิดอันตรายต่อน้องหากสิ่งที่เขาหยิบเข้าปากมีขนาดเล็กเกินไป ไม่สะอาด หรือมีลักษณะแหลมคมนะคะ
ห้ามดีมั้ย? หรือควรเสริมพัฒนาการลูกยังไงดี
ตามที่เกริ่นบอกกันไปแล้วว่าแม้จะเป็นพัฒนาการตามวัย แต่การที่ลูกนำของทุกอย่างเข้าปากก็ไม่ได้เป็นพฤติกรรมที่ปลอดภัยเสมอไป ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงหน้าที่สำคัญในการดูแลลูกอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เขาได้เรียนรู้สิ่งรอบตัวด้วยตัวเองอย่างปลอดภัย ซึ่งสิ่งที่จะต้องใส่ใจดูแลกันเป็นพิเศษมีดังต่อไปนี้ค่ะ
🐳 ใส่ใจสิ่งของที่อยู่ใกล้มือลูก
ซึ่งควรมีลักษณะปลอดภัยดังนี้ค่ะ
- เป็นของที่ไม่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมหรือมีความคม
- ระวังอย่าให้ของชิ้นเล็กเกินไป โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถทดสอบสิ่งของที่จะวางไว้ใกล้มือลูกก่อนด้วยวิธีการง่ายๆ โดยลองนำของสิ่งนั้นใส่เข้าไปใน “แกนทิชชู” หากมีขนาดใหญ่กว่าแกนทิชชูถือว่าวางใจได้ว่าของชิ้นนั้นจะไม่หลุดเข้าคอลูกค่ะ
- ความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด ไม่ว่าจะของชิ้นไหนๆ ที่ลูกจะสามารถนำเข้าปากได้อย่าให้เป็นที่สะสมของเชื้อโรค ทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียนะคะ ดังนั้น จึงไม่ควรเป็นตุ๊กตาหรือผ้า เพราะเสี่ยงต่อการเป็นแหล่งกักเก็บฝุ่น สิ่งสกปรก และเชื้อโรคได้อย่างดีค่ะ และควรทำความสะอาดสิ่งของดังกล่าวทุกครั้ง รวมถึงของใช้ต่างๆ รอบตัวลูกก็ควรทำความสะอาดสม่ำเสมอเพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคด้วยนะคะ
🐳 ดูแลลูกอย่างใกล้ชิดแต่ไม่ปิดกั้นพัฒนาการ
เมื่อเห็นลูกหยิบคว้าสิ่งของใกล้ตัว อย่าเพิ่งรีบดึงออกจากมือเขานะคะ แต่ลองปล่อยให้ลูกน้อยได้สัมผัสกับสิ่งของนั้นๆ ก่อน แล้วมาเตรียมตัวเองให้พร้อมเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในการส่งเสริมพัฒนาการลูกดีกว่าค่ะ
- การที่คุณพ่อคุณแม่รีบหยิบของออกจากมือหรือปากลูกทันที…เท่ากับกำลังปิดโอกาสการเรียนรู้ของลูกค่ะ เพราะการกระทำดังกล่าวจะทำให้ลูกไม่กล้าลงมือทำสิ่งใดๆ ด้วยตัวเองเลย แต่ควรบอกและสอนให้ลูกรู้ว่าอะไรที่สามารถทำได้ ควรทำ หรือไม่ควรทำ เพราะอะไร เช่น ของมีคม มีเหลี่ยมมีมุม อาจทำให้ลูกเจ็บได้นะ ถ้าโยนหรือขว้างของออกไปก็อาจทำให้พ่อแม่หรือคนอื่นๆ บาดเจ็บด้วยนะ เป็นต้น แต่แค่อธิบายให้เขาเข้าใจนะคะไม่ใช่บังคับหรือฝืนใจให้ลูกทำหรือไม่ทำอะไร ให้เขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของตัวเองดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่แค่คอยดูแลเรื่องความปลอดภัยก็พอค่ะ
- การให้ลูกตัวน้อยรู้จักช่วยเหลือตัวเอง หยิบจับ และลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง (แม้เขาจะหยิบของเข้าปากก็ตาม) นอกจากจะเป็นการเรียนรู้และทำความรู้จักสิ่งรอบตัวด้วยตนเองแล้ว ยังเป็นการช่วยส่งเสริมการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของลูกให้แข็งแรงและได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสมตามวัยด้วย อีกทั้งลูกน้อยยังจะได้เรียนรู้เรื่อง Self Esteem หรือการรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง ภูมิใจและมั่นใจในตัวเองไปพร้อมๆ กันด้วยค่ะ
🐳 ถือโอกาสเสริมการเรียนรู้ด้านอื่นไปด้วย
เมื่อไรก็ตามที่สังเกตเห็นว่าลูกน้อยพร้อมหยิบของเข้าปาก คุณพ่อคุณแม่อาจลองเพิ่มโอกาสพัฒนาการเรียนรู้และทักษะด้านอื่นๆ ให้ลูกได้นะคะ เช่น เปลี่ยนจากสิ่งของมาเป็นขนมที่เหมาะกับช่วงวัยของเขา เช่น ขนมปังแบบแท่งที่สามารถละลายในปากได้ เพื่อให้ลูกได้ลองหัดเคี้ยว และเรียนรู้เรื่องการรับรู้รสชาติ เป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านการกินของลูกได้อีกทางหนึ่งค่ะ
อย่างไรก็ตาม กรณีลูกนำของเข้าปากบ่อยเกินไป หรือมีแนวโน้มจะนำสิ่งของอันตรายเข้าปากจนคุณพ่อคุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ ลองพาลูกไปพบกุมารแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการปรับพฤติกรรม รวมถึงส่งเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมตามวัยของเขา น่าจะเป็นหนทางคลายความกังวลใจให้คุณพ่อคุณแม่ได้ดีที่สุดนะคะ
✨มาร่วมมอบของขวัญล้ำค่าที่จะติดตัวลูกของคุณไปตลอดชีวิตกับ BABY SWIMMING โรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็กแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพ ISO 9001 และได้รับความไว้วางใจจากโรงพยาบาลชั้นนำ 🇹🇭💯🏆🎉😊🙏🏻✨
✨”BABY SWIMMING, A Precious Gift for Your Kids” 🐳 🏊🏻 💦 💙 🎁 ✨
#babyswimming #สอนว่ายน้ำเด็ก #เรียนว่ายน้ำเด็ก #สระว่ายน้ำเด็ก #โรงเรียนสอนว่ายน้ำเด็ก #สระน้ำอุ่น #สระในร่ม